ลูกชาย Azhy Robertson วัย 9 ปีของครอบครัว โอลิเวอร์มีปัญหาด้านการออกเสียง ทำให้น้องไม่พูดกับใคร สื่อสารกับพ่อแม่และคนรอบข้างด้วยแอปออกเสียงในโทรศัพท์มือถือ หนังความยาวแค่ 96 นาที ก็เลยเดินหน้าไปแบบรวดเร็ว เปิดเรื่องก็แนะนำสมาชิกครอบครัวและการมาถึงของ แลร์รี ไปพร้อมกันเลย
ส่วน แลร์รี ก็เป็นอสุรกายที่ผู้กำกับเชสสร้างสรรค์ขึ้นมาในรูปของนิทานสำหรับเด็ก ที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาบนหน้าจอมือถือของโอลิเวอร์ พอโอลิเวอร์เปิดอ่านไปทีละหน้า ก็เป็นการแนะนำตัวแลร์รีให้โอลิเวอร์และคนดูได้รู้จักมันไปพร้อมกัน แลร์รีเป็นอสุรกายตัวลีบ ๆ ยาว ๆ ท่าทางเก้งก้างที่อยู่ในมิติไหนสักแห่ง ด้วยรูปร่างที่น่าเกลียดน่ากลัวทำให้แลร์รีไม่มีเพื่อน รู้สึกเหงาจึงออกมาสื่อสารกับโอลิเวอร์ผ่านทางนิทานเรื่องนี้และต้องการชักชวนให้โอลิเวอร์ไปอยู่กับมัน
ข้อกำหนดของแลร์รีคือจะสื่อสารกับเหยื่อได้ผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีหน้าจอทั้งมือถือ แท็บเล็ต มอนิเตอร์ และทีวี ซึ่งบทหนังก็ค่อย ๆ เผยขีดความสามารถของแลร์รีไปเรื่อย ๆ ไปพร้อมกับฉากสยองที่สอดแทรกมาเป็นระยะ ๆ ก็ถือว่า Come Play มีทั้งความละม้ายกับ Babadook อยู่มาก
ทั้งในเรื่องของปีศาจที่ออกมาจากนิทาน และความผูกพันของแม่กับลูกชาย แต่เชสก็ปรับให้แตกต่างด้วยการเพิ่มเรื่องข้อจำกัดในการสื่อสารของแลร์รีขึ้นมา ว่าจะมองเห็นตัวมันได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ซึ่งเชสก็ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ดีในหลาย ๆ ฉาก ที่ทั้งพ่อ แม่ และโอลิเวอร์ ได้เห็นแลร์รีทั้งโดยบังเอิญและตั้งใจ และฉากเหล่านี้ก็น่าตอบสนองความพอใจกลุ่มคนรักหนังสยองขวัญได้บ้าง ที่ได้ลุ้นกับภาพมืด ๆ ว่าแลร์รีจะโผล่มาให้สะดุ้งตอนไหน และแน่นอนว่าถ้าได้ดูฉากเหล่านี้ในโรงที่มืด ๆ ย่อมได้อรรถรสมากกว่า หนังมีฉากตุ้งแช่พอควร แล้วก็ทำให้สะดุ้งได้จริง แต่ไม่ได้สะดุ้งกับภาพหรอกนะ สะดุ้งกับเสียงประกอบมากกว่า
|