Peaky Blinders เป็นซีรี่ย์ที่ว่าด้วยเรื่องของแก๊งค์อันธพาลแก๊งค์หนึ่งในเมือง Birmingham “พีคกี้ ไบลน์เดอร์ส” ชื่อนี้มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด แต่เป็นฉายาที่รับการขนาดนามจากวีรกรรมที่สมาชิกได้ไปก่อขึ้นครั้งแล้ครั้งเล่า นั่นก็คือการติดใบมีดโกนไว้ที่หมวกทรง “พีคกี้” ซึ่งเวลาสู้ แก๊งค์นี้ก็จะถอดหมวกที่แฝงใบมีดไว้บริเวณขอบหมวก ออกมาปาดคอ สำหรับตัวละครนำ “ทอมมี่” หรือ “โธมัส เชลบี้”
เรื่องย่อ Peaky Blinders Season 6
เรื่องราวในซีซั่นนี้จะต่อจากซีซั่นที่แล้วเลย หลังจากที่ ทอมมี่ (คิลเลียน เมอร์ฟี) วางแผนลอบสังหาร ออสวอลด์ มอสลีย์ (แซม คลาฟลิน) แต่ไม่สำเร็จ เปิดเรื่องมาก็จะให้เห็นว่า ทอมมี่สูญเสียคนของตัวเองไปส่วนหนึ่ง ไม่บอกว่าเป็นใคร ไปดูกันเอาเอง จากนั้นเวลาก็ผ่านไป 4 ปี ทอมมี่เปลี่ยนไป เขาเลิกดื่มและพยายามจะเป็นคนที่ใจเย็นมากขึ้น แต่เขาก็ยังมีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ช่วยเหลือคนจน เพื่อชดใช้ให้กับความผิดในอดีตของตัวเอง แต่เขาก็ยังต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย และศัตรูที่น่ากลัว สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ทอมมี่จะฝ่าฝันเรื่องราวในครั้งนี้ไปได้สำเร็จหรือไม่ ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Peaky Blinders Season 6
รีวิว ซีรีส์อาชญากรรม Peaky Blinders
การดำเนินเรื่องของ Peaky Blinders จะไม่เน้นเรื่องราวที่ฉาบฉวยมากนัก แต่จะเน้นไปที่การเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด เน้นไปที่อารมณ์ของนักแสดง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำไว้ได้ดีเอามากๆ ทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วม และรู้ตัวอีกทีก็จบซีซั่นไปซะแล้ว! แต่สำหรับซีซั่น 5 นั้นไม่ใช่เลย เพราะการปรับเรื่องราวให้มีความ “กระชับ” มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถปูเนื้อหาอื่นๆ ที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ดูไม่ขาดหรือไม่เกิน
โดยตัวเอกของเรื่องอย่างโทมัส เชลบี้ หัวหน้าแก๊งค์ Peaky Blinders ในซีซั่น 5 นี้ จะเห็นได้ชัดว่ามีการเติบโต และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จากเมื่อก่อนเขาจะเป็นคนที่ชอบลงมือสะสางปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด แต่เมื่อโทมัสได้เลือกเส้นทาง “นักการเมือง” แล้ว การที่จะลงมาจัดการกับปัญหาต่างๆ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เคยเป็น เขาจึงต้องเลือกทำแบบ “ทำน้อยลง” แต่ “คิดมากขึ้น” นั่นเอง ซึ่งเราก็มองว่าเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของตัวละครที่มากขึ้น ส่งผลให้การดำเนินเรื่องมีความเข้มข้นในด้านเนื้อหาเพิ่มขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าจะมีการขมวดเรื่องราวให้มีความรวดเร็วขึ้น แต่เนื้อหา ประเด็นต่างๆ ก็ยังคงเข้มข้นไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเส้นเรื่องที่ยังคง “คาดเดาไม่ได้” ตามสไตล์ของ Series เรื่องนี้ ที่บอกเลยว่าทำมาได้ดีจริงๆ ทั้งในแง่ของการตัดต่อ เอฟเฟ็กต์ต่างๆ การเล่าเรื่อง รวมไปจนถึงการแสดงของตัวละคร (โดยเฉพาะเจ๊ Polly) ที่โขมยซีนได้แทบจะทุกวินาทีที่เจ๊แกออกมา เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ย์ที่มีองค์ประกอบครบสุดๆ
|