รีวิว เกมต่อสู้ระดับตำนาน เป็นระยะเวลากว่า 36 ปี แล้วที่ Street Fighter คือผู้กรุยทางให้นิยามเกมสไตล์ที่เรียกว่า Fighting หรือเกมต่อสู้ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งสร้างชื่อให้กับ Capcom เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่ยืนยงและยืนหยัดความเป็นเกมต่อสู้ที่มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้เป็นอย่างมาก
รีวิว เกมต่อสู้ระดับตำนาน เนื้อเรื่องเกม Street Fighter 6
เนื้อเรื่องในภาคนี้ แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับภาคเดิม ๆ ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้เลย จะกล่าวว่านี่เป็น Soft Reboot ของซีรีส์ก็ได้ แต่ตัวละครต่าง ๆ ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาจะกลับมาอย่างครบถ้วน อย่าง Luke ที่เป็นตัวละครใน DLC ของภาค 5 มาภาคนี้เขาก็ถูกดันให้เป็นตัวละครหลักบนปกเกม และจะคอยมาเป็นพี่เลี้ยงของเราด้วย สำหรับเนื้อหาในภาคนี้
เราจะรับบทเป็นตัวละครที่เราสร้างขึ้นมาเอง เป้าหมายก็คือฝึกฝนวิชาต่อสู้เพื่อแสวงหาคำตอบของคำว่า ‘แข็งแกร่ง’ เราจะได้เข้าไปยังคอร์สอบรมการต่อสู้ของ Luke และพาให้เราออกเดินทางไปทั่วโลก ค้นหาความหมายของความแข็งแกร่ง ผ่านการต่อสู้กับเหล่านักสู้คนต่าง ๆ และตัวละครที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี จะกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ในโซนพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้เราได้สัมผัสการเล่าเรื่องของ Street Fighter ในแบบที่ไม่มีภาคไหนทำได้มาก่อน ระหว่างการผจญภัยในโหมดเนื้อเรื่อง เราจะได้พบเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ตลกขำขันไปจนถึงซีเรียสจริงจัง ซึ่งถือว่าเป็นรสชาติใหม่ที่แฟน ๆ Street Fighter ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า เพียงแต่ว่าการมีรสชาติใหม่ก็ใช่ว่ามันจะดี ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า มันเป็นการเริ่มต้นหาอะไรใหม่ ๆ ให้แฟรนไชส์ได้ยอดเยี่ยม และทำออกมาดีใช้ได้เลย แต่หลายอย่างมันก็ยังผิดแปลกไปซะหน่อย เหมือนทีมสร้างยังหาจุดลงตัวไม่เจอ ว่าจะทำให้เกม Fighting มีเนื้อเรื่องยังไง เล่าเรื่องแบบไหน และทำยังไงให้มันเหมาะสมกับความเป็นแนวเกมต่อสู้ของตัวเอง ซึ่งตรงนี้ผู้เขียนมองว่าเขายังทำได้ไม่ดีมากเท่าไรนัก จากตื่นเต้นช่วงแรก ๆ เล่นไปนาน ๆ จะเริ่มน่าเบื่อและดรอปความสนุกลงไปเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันเป็นจุดเริ่มต้นไอเดียที่ดี ซึ่งหาก Street Fighter เขาจะทำเนื้อเรื่องเพิ่มในเกมภาคต่อไป ก็อยากให้เอาไอเดียหลายอย่างในภาคนี้ไปขัดเกลาเพิ่ม ไม่แน่ว่าเกมต่อสู้เกมอื่น ๆ อาจใช้ Street Fighter 6 เป็นมาตรฐานใหม่ของการมี Story Mode ก็เป็นได้ อัดแน่นไปด้วยคอนเทนต์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แถมปูพรมต้อนรับมือใหม่อย่างเต็มที่
รีวิว เกมต่อสู้ระดับตำนาน โหมดการเล่น เกม
เรามาดูกันที่ประเด็นแรกตั้งแต่ผู้เล่นเปิดเกมขึ้นมา สิ่งที่พวกเขาจะได้เจอคือเมนูหลักของเกม ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 โหมดการเล่น ได้แก่ World Tour, Battle Hub และ Fighting Ground
โหมด World Tour นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ของเกมไฟต์ติ้งแล้ว คือมันเป็นโหมดที่อนุญาตให้ผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครขึ้นมา โดยกำหนดรูปร่างหน้าตา หรือรูปลักษณ์ของตัวเอง ทั้งยังสามารถซื้อเครื่องแต่งกายมาตกแต่งตัวละครให้สวยงามได้ด้วย แล้วออกผจญภัยไปภายในโลกเสมือนของตัวเกม ซึ่งจะทำให้เราได้พบปะกับตัวละครในจักรวาลของ Street Fighter จำนวนมาก ด้านเนื้อเรื่องของตัวละครที่เราสร้างขึ้นนั้น ไม่ได้แคนนอน ไม่ได้เข้มข้น หรือว่าซีเรียส แต่จะเน้นไปทางชวนหัวอุดมไปด้วยอารมณ์ขันมากกว่า และยิ่งเราดำเนินเนื้อเรื่องไปมากเท่าไร ผู้เล่นก็จะสามารถปลดล็อกความสามารถจากนักสู้ภายในเกมมาใช้ ทำให้ผู้เล่นสามารถหยิบจับผสมผสานเอาท่วงท่าและรูปแบบการต่อสู้ของตัวละครภายในเกมมาใส่ลงไปในตัวละครของตัวเองได้อย่างอิสระ
โหมดการเล่นที่สองคือ Battle Hub คือโหมดที่ผู้เล่นจะสามารถนำเอาตัวละครที่สร้างขึ้นในโหมด World Tour มาใช้เป็นตัวอวตารให้เดินอยู่ในเกมเซ็นเตอร์ มีการจัดวางตู้เกมต่างๆ ให้ผู้เล่นสามารถเข้าไปใช้งานได้จริง และขณะที่เรากำลังเล่นตู้เกมอยู่ก็จะมีผู้เล่นคนอื่นมาท้าชิงเราได้ด้วย โดยการต่อสู้อาจจะเป็นการจับคู่แมตช์แบบเอาตัวละครนักสู้ภายในเกมมาสู้กัน หรือจะเอาตัวละครที่เราสร้างและกำหนดรูปร่างและวิชาการต่อสู้เองเข้ามาสู้กันก็ได้ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางประชาสัมพันธ์ทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายในเกมได้ และเปิดให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมกับการแข่งขันได้ รวมถึงการซื้อเครื่องแต่งกายให้กับตัวละครของเราดูสวยงามขึ้นจากร้านค้าภายในเกมเซ็นเตอร์นี้ได้อีกด้วย
โหมดการเล่นสุดท้ายคือ Fighting Ground อันนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโหมดการเล่นมาตรฐานที่เราเคยเห็นกันมาในเกมทุกภาค มันจะประกอบไปด้วยการเล่นตามเนื้อเรื่องของนักสู้แต่ละคน โหมดฝึกหัดแนะนำระบบใหม่ๆ ภายในเกม การทำชาเลนจ์ยากๆ เพื่อพัฒนาฝีมือ หรือจะเล่นออนไลน์ต่างๆ เพื่อต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นก็ได้ด้วย
ตัวละครที่มาปรากฏตัวใน Street Fighter 6
มีทั้งหมด 18 คนด้วยกัน โดย ตัวละครคลาสิกระดับตำนานจาก Street Fighter 2 ซึ่งเทียบได้กับตัวละครหลักนั้นกลับมาครบทั้ง 8 คน ได้แก่ ริว, เคน, ชุนหลี , ไกล์, ฮอนดะ, ดัลซิม, แซนกีฟ, บลังก้า
กลุ่มตัวละครที่กลับมาจากภาค ได้แก่ ลูค, ยูริ, ดีเจ, แคมมี่ และตัวละครหน้าใหม่ที่เราจะได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรกอย่าง เจมี่, มานอน, คิมเบอร์ลี่, มาริซ่า, ลิลลี่, และ เจพี ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ดี และยังมีพื้นที่มากพอจะรองรับตัวละครเสริมในอนาคต ซึ่งเป็นไปได้ว่าในเวอร์ชันสุดท้ายของตัวเกมเราอาจจะได้เห็นตัวละครเกือบครึ่งร้อย เพราะว่าภาค 5 ภาคก่อนหน้าก็ไปจบที่ 45 ตัว
วิธีเล่นและการควบคุม
มาถึงเรื่องการควบคุมและวิธีการเล่นของ SF ที่ต้องบอกว่าปฏิวัติวงการ ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ SF เป็นเกมต่อสู้ที่ใช้การควบคุม 6 ปุ่ม คือ นอกจากปุ่มทิศทาง (หรือคันโยก) ที่ใช้บังคับการเคลื่อนไหวของตัวละครแล้ว การโจมตีจะถูกกำหนดแบ่งเป็นการต่อยเบา ต่อยกลาง ต่อยหนัก เตะเบา เตะกลาง เตะหนัก การโจมตีต่อเนื่องเป็นคอมโบหรือการใช้ท่าพิเศษ ก็จะเกิดจากการผสมผสานปุ่มต่างๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน สำหรับใครที่เป็นแฟน SF มายาวนานก็น่าจะคุ้นเคยกับวิธีการควบคุมของเกมเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ปัญหาก็คือสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่หรือผู้เล่นที่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของเกมต่อสู้นั้น ความซับซ้อนของการควบคุมรูปแบบนี้ใช้เวลานานเหลือเกินในการทำความเข้าใจ เรียนรู้ จดจำ ไปจนถึงประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง เรื่องนี้เป็นกำแพงอันสูงชันที่ขัดขวางไม่ให้วงการเกมไฟต์ติ้งขยายตัวเข้าถึงกลุ่มผู้เล่นใหม่ๆ ได้ แต่ Capcom ก็ได้ค้นพบวิธีการบรรเทาปัญหานี้ได้สำเร็จด้วยการคิดค้นวิธีการควบคุมแบบใหม่ และใส่มันมาในภาคนี้
สำหรับใครที่เคยชินกับวิธีการเล่นแบบเก่าที่อธิบายไปก่อนหน้า มันได้กลายร่างเป็นสิ่งที่เรียกว่า Classic Control คือคุณไม่ต้องไปเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม เกมออกมาก็เล่นได้ทันทีอย่างคล่องแคล่ว แต่ถ้าหากคุณมีฝีมือระดับปานกลาง ตัวเกมก็สร้างการควบคุมที่เรียกว่า Modern Control ขึ้นมา ซึ่งมันจะเป็นการรวบเอาปุ่มโจมตีเบา กลาง และหนักมาเหลือแค่ปุ่มเดียว และมีปุ่มท่าพิเศษเพิ่มเข้ามาอีก 1 ปุ่ม หรือพูดง่ายๆ ว่าการโจมตีของคุณจะเหลือแค่ 4 ปุ่มเท่านั้น มันอาจจะทำให้คุณสูญเสียความยืดหยุ่นในการเล่นไปบ้าง แต่ก็ทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างคอมโบยากๆ ได้อย่างง่ายดาย
และหากคุณเป็นผู้เล่นที่ไม่มีทักษะพื้นฐานอะไรเกี่ยวกับเกมต่อสู้ หรือแม้แต่เป็นเด็ก และผู้พิการ ก็ยังสามารถสนุกกับเกมได้ด้วย Dynamic Control ครับ คือเกมจะรวบการควบคุมทุกอย่างเข้ามาไว้ในปุ่มโจมตีหลัก 3 ปุ่ม คือ ปุ่มคอมโบตอดชุดเล็ก คอมโบสร้างความเสียปานกลาง และคอมโบการเข้าทำจากระยะไกลที่สร้างความเสียหายสูงสุด แล้วให้ AI ช่วยกำหนดคอมโบที่เหมาะสมในสถานการณ์นั้นๆ โดยคำนวนจาก ตำแหน่งระยะยืนของผู้เล่น วิธีการโจมตีที่เหมาะสม และจังหวะการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้แบบ ไม่ต้องใช้ปุ่มทิศทางช่วย คือสามารถเล่นเกมนี้ได้ด้วยมือเดียวด้วยซ้ำครับ
สรุป
เป็นการเปิดนิยามของ Street Fighter ที่ตรงโจทย์ และกลับมาในฐานะแฟรนไชส์เกมต่อสู้ระดับตำนานได้อย่างสมเกียรติ การส่งต่อของนักสู้รุ่นเก่าไปสู่นักสู้รุ่นใหม่ โหมด World Tour ที่ตอบโจทย์และอิสระ Battle Hub ที่เปรียบเสมือนชุมชนนักสู้ในโลกเมต้าเวิร์ส และโหมดเกมสุดคลาสสิกที่คุ้นเคย Street Fighter 6 จึงเป็นเกมต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและดีที่สุดในช่วงเวลานี้
จุดเด่นของเกม?
- กราฟิก แอนิเมชัน เป็นการยกระดับซีรีส์ให้เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง
- Fighting Ground เป็นเหมือนยิมที่มีเครื่องมือครบครันสำหรับคนที่ต้องการลับคมฝีมือ
- ระบบ Drive ช่วยเปิดมิติความเป็นไปได้ของกลยุทธ์อย่างหลากหลาย
- เกมยึดตีม Street Culture และออกแบบทุกสิ่งที่สอดคล้องกับมันได้ในแทบทุกองค์ประกอบ
- Battle Hub ที่จำลองเกมเซ็นเตอร์คล้ายเมตาเวิร์สย่อม ๆ มีกิจกรรมมากมาย และมีฟังก์ชันการขายแบบครบวงจร
เกมเป็นแนวไหน?
แนว: แอ็คชัน, ผจญภัย
ตัวเกมวางจำหน่ายผ่านช่องทางไหน ?
PC ในร้านค้า Steam, PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox Series X/S ภายในวันที่ 2 มิถุนายนนี้
ติดตามข่าวสารเกมส์น่าสนใจได้ที่ inwesport.com
แหล่งที่มาเพิ่มเติม http://www.esports.net
ขอบคุณแหล่งที่มารูปภาพ ภาพที่ 1 http://www.reddit.com
ภาพที่ 2 http://www.reddit.com